วันอาทิตย์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2554

York-Vikings City

เที่ยวในอังกฤษคราวนี้ชิมลางทัวร์ภายในประเทศเค้าดูบ้าง เอาแบบเบาะๆวันเดียวจบก็พอ ตอนแรกที่จองทัวร์ก็คิดว่าทัวร์คงจะไม่เต็ม ดีไม่ดีได้เปลี่ยนจากนั่งรถโคชเป็นรถมินิบัสด้วยซ้ำ แต่ปรากฎว่าเอาเข้าจริงๆคนซื้อทัวร์เที่ยวกันเต็มคันรถเลย

ภาพที่เห็นเป็นเพียงครึ่งทางแรกของการรับผู้โดยสาร พอไปสุดทางก่อนเลี้ยวเข้าทางด่วนมุ่งตรงเข้าเมืองยอร์คเท่านั้นแหละเต็มทุกที่นั่งประมาณ 45 คนได้แหม..ทำไมทัวร์เค้าขายดิบขายดีถึงเพียงนี้
ดูๆหน้าตานักท่องเที่ยวแล้วสามารถบวกอายุได้ล้านปีแสงพอดี...เว่อร์ไปม๊ะ






คูเมืองยอร์คที่ปัจจุบันนี้ไม่มีน้ำโอบล้อมกำแพงเหมือนครั้งโบราณกาลอีกแล้วมีแต่ดอกไม้สีเหลืองขึ้นเต็มไปหมดต้อนรับซัมเมอร์ อยากรู้จังว่าทำไมดอกไม้ถึงได้บานสะพรั่ง อุดมสมบูรณ์ได้ถึงขนาดนี้








นี่เองที่มาของความงาม!!















มหาวิหารยอร์คมินส์เตอร์ใหญ่อลังการสมคำล่ำลือ ผังโครงสร้างวิหารทำเป็นรูปไม้กางเขน มีกระจกสีงามงดหยดย้อย ในช่วงเทศกาลจะมีการจัดแสดงแสงสีเสียงทางด้านหน้าวิหารงดงามจับจิต..มีโอกาส ก็อยากได้ยล



ระหว่างเดินอย่างมุ่งมั่นไปตามแผนที่ที่เตรียมไว้ก็พบว่าเมืองนี้มีลักษณะเป็นเนินขึ้นๆลงๆ สามารถเห็นทัศนียภาพของตัวเมืองได้อย่างไฉไล ก่อนจะถึงพิพิธภัณฑ์รถไฟแห่งชาติก็เลยคว้ากล้องลั่นภาพลงแผ่นฟิลม์ไปสองสามรูป...(อันที่จริงใช้กล้องดิจิตอล แต่พอดีคำว่า "ฟิลม์"มันเท่ห์ดี มันมาคู่กับคำว่าดีเอ็นเออยู่ที่หน้าอะค่ะ...เกี่ยวกันมั๊ยเนี่ย)
**ใครไม่ใช่แฟนกอสซิปดาราอาจมีงง







อ่ะ...จัดไปอีกรูป อันนี้มุมซ้ายต่อจากภาพข้างบนค่ะ เป็นมุมสี่แยกก่อนจะเดินเลี้ยวซ้ายเข้าถนนถัดไป ดอกไม้เค้าช่างงามนัก...ดูคล้ายๆกับพญาเสือโคร่งบ้านเรา...ว่าม๊ะ






มาถึงพิพิธภัณฑ์จนได้ มาถึงแล้วก็เกิดปวดท้องตะหงิดตะหงิด....เล่าละเอียดไปมั๊ยคะ ข้ามไปเลยแล้วกัน ด้วยความอดทนที่มีอยู่ในสัญชาติญาณทำให้ผ่านวิกฤติทางร่างกายมาได้ค่ะ เมื่อเดินเที่ยวชมได้หนำใจแล้วก็เจอมุมเหมาะ.... ฮ่า ฮ่า ฮ่าาาา








มุมถ่ายรูปคู่กับรถไฟอันใหญ่โตมะโหระทึกค่ะ...มุมนี้อ้อเหลือตัวนิดเดียวเอง รถไฟช่างอลังการสมกับอยู่ในเกรทบริเทน







 

อันนี้เป็นภาพที่ได้มาจากภายในศูนย์แสดงชีวิตชาวไวกิ้งของเมืองยอร์ค สาเหตุที่ได้มาเป็นวีดีโอเพราะว่าเค้าห้ามถ่ายรูปอ่ะค่ะ....หุ หุ หุ..

นี่แหละค่ะ York Castle Museum สถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นคุกหญิงมาก่อนด้วยนะคะ ภายในจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ได้โดนใจอ้อมากเลยค่ะ นอกจากนี้ยังไปยืนสัมภาษณ์คนคุกหญิงในนี้มาด้วย...ไม่มีพลาด

ป้าแกบ่นค่ะว่าคุกนี้ดูแลแกไม่ดีได้กินแต่ข้าวแดง.. สู้คุกชายไม่ได้ได้กินขนมหวานถั่วดำด้วยหละ


อันนี้ส้วมผู้ดีอังกฤษค่ะ ตัวที่อยู่ทางซ้ายดูเหมือนจะเป็นชักโครกคหบดี ทางขวาคงเป็นของชาวบ้านทั่วไปถึงได้ไม่มีลงลายขอบทอง...เก๋ค่ะ
วิวริมน้ำใจกลางเมืองยอร์ค
ตลาดสดกลางเมือง

จบการท่องเที่ยวเมืองยอร์คแต่เพียงเท่านี้ก่อนนะค่ะ สาเหตุที่ลงรูปให้ดูหลายรูปหน่อยก็เพราะว่าหากพวกพี่ๆมาเที่ยวอังกฤษแล้วอ้อจะไม่พาไปยอร์คค่ะมันนอกเส้นทางของเรา เลยเล่าโน่นเล่านี้ซะละเอียด เห็นขนาดนี้แล้วไม่ต้องไปแล้วเนอะ




วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2554

Edinburgh-Scotland

เมืองเอดินเบอระของสก๊อตแลนด์เนี่ยก็ไปมาตั้งแต่ช่วงแรกๆที่มาถึงเลยค่ะ เพราะว่ามีรุ่นน้องซึ่งเป็นลูกค้าเก่าก่อนแล้วโดนจับมาเป็นเพื่อน เหมือนพวกพี่ๆนี่แหละค่ะ เค้าไม่รู้โดนของอะไร คุยโทรศัพท์กับอ้อได้ชั่วโมงเดียว ตีตั๋วตามมาถึงอังกฤษเพื่อท่องเที่ยวและเยี่ยมญาติทั้งๆที่ช่วงญาติมาอยู่อังกฤษแรกๆไม่เห็นมีทีท่าว่าจะมาเยี่ยมกัน อ้อก็เลยได้โอกาสไปเที่ยวเอดินเบอร่ะซะเลยเพราะเค้าลือกันว่าสวยงามนักหนา ตอนแรกก็ไม่ได้สนใจข้อมูลมากมายค่ะไปเที่ยวพอให้ได้เห็นและถ่ายรูปเอามันส์ แต่พอไปแล้ว กลับมาแล้วก็ถึงค่อยมาศึกษาความสำคัญกันว่าเค้ามีอะไรดีเป็นพิเศษหรือเปล่า หลังจากนั้นจึงพบว่าเมืองนี้เค้าเป็นที่พำนักสำคัญของกษัตริย์และพระราชินีทีเดียว...โดยเฉพาะพระนางผู้ซึ่งได้ครองบัลลังค์ถึงสองแห่งในคราวเดียวกัน นั่นคือพระนางแมรี่แห่งสก๊อต นั่นเอง...
พระนางแมรี่แห่งสก๊อตเค้าเป็นราชินีสก๊อตตั้งแต่เยาว์วัยค่ะ แล้วก็ไปแต่งงานอยู่ฝรั่งเศส จนเป็นสาวแรกรุ่นสามีที่เป็นเจ้าชายก็ได้กลายเป็นกษัตริย์... แต่บังเอิญ เป็นกษัตริย์ได้ไม่นานก็มีอันเป็นไปได้ตายหนีค่ะ..ฮ่าๆๆ
พระนางเลยต้องระเห็ดกลับมาอังกฤษ ซึ่งรายละเอียดต่างๆนั้นอยากรู้ละก้อ... ไม่เล่าให้ฟังจากทางบล๊อคนี้หรอกค่ะ ต้องมาเที่ยวเอง แล้วจะพาเดินชม พาเที่ยวแล้วเล่าให้ฟัง วันนี้ก็มาดูตัวเมืองแบบคร่าวๆเรียกต่อมท่องเที่ยวไปก่อนนะคะ


ถ่ายจากมุมสูงภายในปราสาทเอดินเบอร่ะ กดกล้องต่ำลงมาจะเห็นวิวเมืองทั้งเมือง ซึ่งแบลคกราวด์ด้านหลังเป็นขอบทะเลค่ะ เพราะเมืองนี้อยู่ติดริมทะเล ซึ่งถ้ามองไปทางด้านขวาของภาพจะเห็นสถานีรถไฟปลายทางเมืองนี้ ซึ่งเราจะใช้เป็นพาหนะดั้นด้นกันมาที่นี่จากตอนกลางของประเทศอังกฤษกันค่ะ






ด้านในของปราสาทเอดินเบอระ ในส่วนของห้องต้อนรับราชฑูต และแขกผู้มาเยือน (แอบลืมรายละเอียด)
ผู้ที่มาเที่ยวจะทราบข้อมูลสถานที่ต่างๆได้โดยมีบริการหูฟังให้ค่ะ ซึ่งอันนี้คิดชาร์ทอีกต่างหากจากค่าตั๋ว แต่ถ้ามีผู้นำทางมากับคณะทัวร์แล้วละก้อใช้คำอธิบายแบบไทยๆ ก็น่าจะดีกว่าค่ะ เพราะว่าเครื่องบรรยายเค้ามีให้เลือกทุกภาษาเลยค่ะ...ยกเว้นภาษาไทย...ฮ่วย! ส่วนไกด์ด้านนอกที่มีบริการฟรีนั้นก็พูดสำเนียงสก๊อตสุดฤทธิ์



ย่านช้อปปิ้ง เดินเล่น ถนน Royal Mile จะเป็นถนนเมืองเก่าที่ทอดตัวยาวสามารถเดินไปได้ถึง Palace of Holyrood House อันเป็นที่เคย(ถูกบังคับ)ประทับของพระนางแมรี่แห่งสก๊อต ผู้เป็นเสี้ยนหนามทิ่มแทงบรรลังก์ของราชินีอลิซเบธที่1
ในช่วงกลางวันถนนแห่งนี้จะมีคนเดินขวักไขว่ และมีการแสดงเปิดหมวกต่างๆ




และแล้วก็มาถึง The Palace of Holyrood House ถ่ายรูปได้เพียงด้านหน้า เมื่อเข้าสู่ชั้นแสดงต่างๆภายในก็ไม่สามารถถ่ายรูปได้แล้วเลยไม่ได้เอามาอวดกัน ซึ่งถ้าเดินด้านในก็จะเห็นพวกห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องพักผ่อนต่างๆ ซึ่งมีความคร่ำคราไปตามยุคสมัยและกาลเวลา

เราผ่านเรื่องด้านในสถานที่อันลึกลับนี้ไปด้านนอกตัวอาคารกันเลยดีกว่า



เห็นรูปนี้แล้วจะคิดว่าคนที่มาเที่ยวต้องมีอันเป็นไป เดินปวดหูกันเป็นแถว ที่จริงไม่ใช่ค่ะ เค้าฟังเครื่องบรรยายเกี่ยวกับสถานที่กันค่ะ สถานที่แห่งนี้อยู่ด้านข้างของที่ประทับค่ะ เรียกว่า Holyrood Abbey Church   เก่าแก่คร่ำคราตั้งแต่สมัยปี ค.ศ. 1128 เชียว พอเดินออกจากจุดนี้ก็จะเป็นสวนหย่อมด้านข้างให้เดินลัดเลาะตัดผ่านจนวนกลับเข้าสู่ทางออกด้านหน้าอีกที




การมาเที่ยวสก๊อตแลนด์และเที่ยวชมเมืองเอดินเบอร่ะนั้นก็ถือเป็นสิ่งพึงกระทำอันดับต้นๆเลยค่ะ เพราะว่าจะรู้สึกผ่อนคลายทั้งๆที่อยู่ท่ามกลางความคร่ำครา


Manchester & Manchester United, UK

ถ่ายรูปข้างทางระหว่างเดินตามหาสนามกีฬาอยู่หนใด สาเหตุที่ต้องใช้คำว่าตามหาเพราะว่าเรานั่งรถรางมาผิดสายค่ะ ด้วยว่าอ้อกำลังขาดสติ สมองพิการชั่วคราวหลังจากเมามันส์มาจากผับบาร์ในค่ำคืนที่ผ่านมา ก็ต้องมาฟื้นฟูสภาพสมองกันในเช้าวันนี้
(มิต้องห่วงนะคะ ตอนนี้ลดละเลิกไปเยอะแล้ว)







แต่น แต๊น... ในที่สุดเราก็เจอสนามแสนอลังการจนได้ นี่คือด้านหน้าค่ะซึ่งประกอบไปด้วยรูปปั้นของบุคคลสำคัญในวงการฟุตบอล และด้านตัวอาคารที่มีร้านขายสินค้า MU ของแท้คอยล่อตาล่อใจนักท่องเที่ยว และเป็นของฝากกระหยุมกระหยิม








และนี่ก็คือตัวด้านในสนามฟุตบอลที่มีไกด์พาเข้ามาและแนะนำส่วนต่างๆให้ได้เห็นกันจะจะ สนามหญ้าภายในจะได้รับการดูแลอย่างทนุถนอม ห้ามใครเดินด้านในเด็ดขาด ไกด์ก็จะอธิบายว่าประตูทางเข้าสนามแต่ละจุดมีความสำคัญอย่างไร และตรงไหนคือที่นั่งสำคัญอย่างไร และอื่นๆค่ะ






ส่วนตัวเมืองแมนเชสเตอร์คงไม่ต้องดูรูปหรอกนะคะ มีแต่ร้านขายของ ช้อปปิ้งเซนเตอร์ ดูแล้วก็เหมือนๆกันทุกแห่ง

Costwolds Village, UK


หมู่บ้านคอสเวิลด์จะเป็นรูปแบบเก่าๆหน่อย พวกประตูหน้าต่างและอิฐก่อสร้างจะดูคร่ำคราและน่ารักๆ










อ้อเองค่ะ วันนี้ใส่กระโปรงสอดใส้ด้วยเลคกิ้งสีเหลืองอ๋อย... ดูแล้วแปลกตาไปจากปรกติทำให้ชีวิตดูมีชีวาขึ้นมาอีกหน่อยนึง










วันที่ไปอากาศค่อนข้างครึ้ม มีฝนตกปรอยๆ ทำให้ถ่ายรูปออกมาขมุกขมัว แต่ก็ขับรถมาไกลถึงขนาดนี้แล้วมัวยังไงก็ต่อเที่ยวต่อให้จบแหละค่ะ (ขับรถจากบ้านมานี่ก็สามชั่วโมง ขับกลับอีกสามชั่วโมงค่ะ)






บริเวณหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง จะมีสไตล์อาคารแบบ"ทิวดอร์" คือตัวบ้านสีขาวคาดด้วยลายไม้ซีกสีดำ การจัดสวนด้านหน้าดูกิ๊บเก๋ ซึ่งเห็นภาพภายนอกรวมๆแล้วเดาได้ว่าค่าที่พักคงแพงตับแลบ... ไม่ใช่ตับ ตับ ตับ ตับเท่งโหน่งนะคะ