วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สตอเบอรี่สดจากฟาร์มหอมหวานชื่นใจ

ช่วงเดือนมิถุนายน ถึงสิงหาคมนับว่าเป็นช่วงอากาศร้อนที่สุด (สูงสุดประมาณ 25-28 องศา) ในขณะเดียวกันก็ยังมีฝนตกอยู่ได้อย่างน้อยก็วันเว้นวันของประเทศอังกฤษ ช่วงนี้นับว่ามีพืชผักและผลไม้บางชนิดที่แข่งกันผุดตัวออกมาอย่างเต็มที่ ดังนั้นในฟาร์มต่างๆที่ปลูกผักผลไม้ก็จะเปิดให้ผู้คนได้เข้าชม และซื้อผักและผลไม้กลับบ้าน โดยให้เราสามารถเดินชม เด็ดกินได้อย่างเต็มที่

แรกเริ่มเดิมทีนั้นได้ยินคนโน้นคนนี้ชวนบ่อยๆว่าไปหาเด็ดสตอเบอรี่กินกันมั๊ย ยิ่งวันไหนแดดดีๆเราไปกันดีกว่า... มาอยู่ที่อังกฤษก็เริ่มจะต้องคุ้นกับคำว่า "แดดดีๆแล้วออกนอกบ้านกัน" ถ้าเป็นเมืองไทยละก้อคงไม่มีคำนี้ให้ใครได้ยินเพราะจะจินตนาการได้ถึงสภาพเนื้อตัวที่เปียกโชกไปด้วยเหงือ หน้าแดงกร่ำและดำคล้ำเพราะโดนแดดเผา และที่สำคัญ ฝ้าแห่งโลกอนาคตก็จะมาเยือนเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้า

เช้าวันนี้รุ่นน้องที่ทำงานโทรมาแต่เช้าชวนให้ออกนอกบ้านเพราะวันนี้แดดดี และกำชับว่าให้เตรียมหมวก ร้องเท้าผ้าใบให้เรียบร้อย(เพราะมันรู้ว่าเราไม่ชอบแดด) และบอกว่าเราจะไปทำกิจกรรมกัน โดยไม่ยอมบอกว่าจะไปไหนและกิจกรรมที่ว่าเนี่ยมันอะไรกันแน่ ก็ไม่ว่ากันแล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิตแล้วกัน แต่แอบเดาว่ามันคงพาไปเก็บเห็ด!! ยัยคนนี้ชอบเก็บเห็ดเป็นชีวิตจิตใจ เพราะอังกฤษเป็นประเทศที่ฝนตกทั้งปีอากาศแห้งชื้น เห็ดจะขึ้นให้เห็นอยู่ตามที่สาธารณะ

ตกบ่ายหล่อนก็มารับและนำดิ่งไปยังชานเมืองแต่ก็ไม่ไกลมากใช้เวลาขับรถสัก 10 นาทีได้ เราตรงดิ่งเข้าไปที่ฟาร์ม มองแต่ไกลก็ยังมองไม่ออกว่าฟาร์มอะไรเพราะเห็นแต่ทิวเขียวๆเตี้ยๆอยู่ตามพื้น จนกระทั่งเราจอดรถและไปที่เค้าเตอร์ทางเข้าซึ่งมีตะกร้าสำหรับเก็บสตอเบอรี่รอต้อนรับผู้มาเยือน

มองไปในฟาร์มสตอเบอรี่ก็เห็นฝรั่งใส่กางเกงขาสั้นเสื้อแขนกุดก้มๆเงยๆกระจายอยู่ทั่วไป เด็กๆกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ สำหรับคนอังกฤษแล้วการได้มีกิจกรรมต่างๆสำหรับครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่พวกเค้าแสวงหา  โดยเฉพาะกิจกรรมอะไรที่เด็กๆได้ออกนอกบ้านและได้ทำร่วมกับพ่อแม่ เช่น การเก็บสตอเบอรี่ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่น่ากรี๊ด

วันนี้จึงนับเป็นวันแรกในชีวิตของอ้อเช่นกัน แอบมีกรี๊ดแข่งกับเด็กๆ  เพราะยังไม่เคยได้เห็นต้นสตอเบอรี่จริงๆสักที และอีกอย่างสตอเบอรี่ฝรั่งเนี่ยหวานจับจิต ได้เดินไปเด็ดไป กินไปนับว่าเป็นความสุนทรีอย่างยากที่จะโกหก  ที่ทางเข้าในส่วนของทิวแถวสตอเบอรี่จะมีป้ายติดบอกว่าเป็นพันธ์อะไร ซึ่งเท่าที่เดินเก็บและเดินกินในหลายๆสายพันธ์ อ้อก็ยังแยกไม่ออกอยู่ดีว่ามันแตกต่างกันตรงไหน เพราะเห็นมันลูกใหญ่และหวานเจี๊ยบทุกสายพันธ์
หลังจากที่ใช้เวลาเก็บสตอเบอรี่จากช่วงแรกๆที่คัดเอาเฉพาะเม็ดเป้งๆ ก็เริ่มเกิดความขี้เกียจจะควานหา ก็เลยเห็นเม็ดเล็กหน่อยแต่สีแดงเข้มหน่อยก็เด็ดๆมันไปเรื่อย จนกระทั่งตะกร้าตุง ได้ดังนั้นแล้วก็เริ่มคำนวนถึงความสามารถในการบริโภคของตัวเอง ประกอบกับเกรงว่าจะหน้าไหมด้วยเผชิญกับแสงแดดเป็นเวลานาน ก็เลยต้องพอแต่เพียงเท่านี้ก่อน และเดินไปให้เค้าคิดราคาที่ทางออกซึ่งเป็นทางเดียวกับตอนที่มันเป็นทางเข้า
นอกจากกิจกรรมเด็ดสตอเบอรี่ที่เค้านิยมกันในช่วงเดือนนี้แล้ว ยังมีการจัดกิจกรรมแสดงอาหารต่างๆในบริเวณนี้อีกด้วย ซึ่งก็แน่หละมีผู้คนนิยมมาชิมอาหารเดินดูโน่นนี่กันอีกมากมาย และถ้าเป็นช่วงต้นๆมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคมก็จะเป็นช่วงของกิจกรรมชมสวนชมดอกไม้ต่างๆ ซึ่งแถวบ้าน(ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้) จะมีการจัดประกวดสวนหลังบ้านกัน โดยเปิดให้คนทั่วไปได้เข้าไปในบ้านใครๆเหล่านั้นและชมว่าบ้านเหล่านั้นจัดสวนและตกแต่งสวนดอกไม้กันได้สวยงามแค่ไหนอย่างไร และไม่ใช่แค่การให้ชมกันธรรมดาๆนะคะ เค้ามีการให้คะแนนประกวดกันด้วย กิจกรรมเหล่านี้จัดโดยหน่วยงานท้องถิ่นและมอบรางวัลโดยหน่วยงานท้องถิ่นเนี่ยแหละค่ะ  อยู่ที่นี่จะมีกิจกรรมต่างๆที่เกียวกับการทำกิจกรรมครอบครัว... ความสวยงามของไม้ดอกไม้ใบ... และกิจกรรมอาหารการกินอยู่บ่อยๆ สามารถแสวงหาและจัดตารางชีวิตได้ตลอดทั้งปี...เฮ้อ..ช่างสมกับเป็นประเทศแห่งการมีครอบครัวและคนแก่เสียนี่กระไร
ไปจ่ายค่าสตอเบอรี่ดีกว่า...
โอ้แม่เจ้า.... หนึ่งตะกร้ามูลค่า ห้าปอนด์กว่าๆ.... แต่ถ้าเทียบกับซื้อสตอเบอรี่ในห้างก็ยังนับว่าถูกกว่าเป็นไหนๆ เพราะต้องคำนึงถึงไอ้ที่เรากินเข้าไปในท้องก่อนหน้านี้อีกตั้งไม่รู้เท่าไหร่... หุ หุ